Smart Camera กับความเป็นส่วนตัว ต้องตั้งค่าอย่างไรให้ปลอดภัยจากการแฮก
- ihousesmarthome5
- 3 มี.ค.
- ยาว 1 นาที
อัปเดตเมื่อ 6 มี.ค.
Smart Camera กับความเสี่ยงด้านความเป็นส่วนตัว
Smart Camera เป็นอุปกรณ์อัจฉริยะที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้บ้านหรือธุรกิจ แต่ในขณะเดียวกัน ก็เป็นเป้าหมายของแฮกเกอร์ หากไม่มีการตั้งค่าความปลอดภัยที่ดีพอ อาจเกิดปัญหาการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต ทำให้ข้อมูลส่วนตัวและภาพจากกล้องถูกละเมิด
ดังนั้น การตั้งค่า Smart Camera อย่างถูกต้อง เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงจากการถูกแฮกและป้องกันไม่ให้กล้องกลายเป็นช่องโหว่ด้านความปลอดภัย

1. ตั้งรหัสผ่านที่แข็งแรงและเปลี่ยนเป็นระยะ
หนึ่งในข้อผิดพลาดที่พบบ่อยที่สุดคือ การใช้รหัสผ่านเริ่มต้นจากโรงงาน ซึ่งแฮกเกอร์สามารถค้นหาได้ง่าย
ใช้รหัสผ่านที่มี อย่างน้อย 12 ตัวอักษร และมีตัวเลข ตัวอักษรพิมพ์เล็ก-ใหญ่ และอักขระพิเศษ
หลีกเลี่ยงรหัสผ่านที่เดาง่าย เช่น "123456" "password" หรือ "admin"
ไม่ใช้รหัสผ่านซ้ำกับบัญชีอื่นๆ
เปลี่ยนรหัสผ่านทุก 3-6 เดือน เพื่อลดความเสี่ยง
2. เปิดใช้งานการยืนยันตัวตนแบบสองขั้นตอน 2FA
Two-Factor Authentication 2FA เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยป้องกันการเข้าถึงกล้องโดยไม่ได้รับอนุญาต
ประโยชน์ของ 2FA
แม้แฮกเกอร์จะได้รหัสผ่าน ก็ยังต้องใช้รหัส OTP จากโทรศัพท์ของคุณ
ลดโอกาสถูกแฮกแม้รหัสผ่านรั่วไหล
วิธีเปิดใช้งาน
ไปที่การตั้งค่าความปลอดภัยในแอป Smart Camera
เปิดใช้งาน Two-Factor Authentication 2FA
เลือกวิธีรับรหัส OTP เช่น SMS หรือแอปยืนยันตัวตน Authenticator App
3. ปิดการเข้าถึงระยะไกลที่ไม่จำเป็น
หากคุณไม่จำเป็นต้องเข้าถึงกล้องจากภายนอกบ้าน ควรปิดการเข้าถึงระยะไกล (Remote Access) เพื่อป้องกันการโจมตีจากแฮกเกอร์
วิธีปิด
เข้าไปที่การตั้งค่าเครือข่ายในแอปของกล้อง
ปิด Remote Access หรือ UPnP Universal Plug and Play
หากจำเป็นต้องใช้ ควรตั้งค่า VPN เพื่อเพิ่มความปลอดภัย
4. อัปเดตเฟิร์มแวร์ของ Smart Camera อยู่เสมอ
เฟิร์มแวร์ของ Smart Camera อาจมีช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่แฮกเกอร์สามารถใช้โจมตีได้
ทำไมต้องอัปเดตเฟิร์มแวร์?
ปิดช่องโหว่ที่แฮกเกอร์อาจใช้เจาะระบบ
เพิ่มฟีเจอร์ความปลอดภัยใหม่ๆ
ปรับปรุงประสิทธิภาพของกล้อง
วิธีอัปเดตเฟิร์มแวร์
เข้าแอปของ Smart Camera และไปที่ Settings > Firmware Update
เปิดใช้งาน Auto Update เพื่อให้ระบบอัปเดตอัตโนมัติ
5. ใช้เครือข่าย Wi-Fi ที่ปลอดภัย
Smart Camera ที่เชื่อมต่อกับ Wi-Fi ที่ไม่มีความปลอดภัย อาจถูกแฮกได้ง่าย
วิธีป้องกัน
ตั้งค่ารหัสผ่าน Wi-Fi ให้ซับซ้อนและเปลี่ยนเป็นระยะ
ใช้ WPA3 หรือ WPA2-PSK AES แทน WEP ซึ่งมีความปลอดภัยต่ำ
ซ่อนชื่อเครือข่าย Wi-Fi SSID เพื่อลดโอกาสที่แฮกเกอร์จะค้นพบ
แยกเครือข่าย Wi-Fi สำหรับ Smart Home ออกจากเครือข่ายหลักที่ใช้ทำงาน
6. ปิดการบันทึกเสียงและการสตรีมวิดีโอเมื่อไม่ใช้งาน
Smart Camera บางรุ่นมีฟีเจอร์บันทึกเสียงและสตรีมวิดีโอแบบเรียลไทม์ ซึ่งอาจถูกใช้เป็นช่องทางแอบฟังหรือสอดแนมได้
วิธีตั้งค่าความเป็นส่วนตัว
ปิดการบันทึกเสียงในเมนู Privacy Settings
เปิดใช้ Motion Detection Only เพื่อให้กล้องบันทึกเฉพาะเมื่อมีการเคลื่อนไหว
ตั้งค่าให้กล้องปิดตัวเองอัตโนมัติเมื่ออยู่ในพื้นที่ปลอดภัย เช่น ภายในบ้าน
7. ติดตั้งกล้องในตำแหน่งที่ปลอดภัย ไม่ละเมิดความเป็นส่วนตัว
การติดตั้ง Smart Camera ไม่ควรละเมิดความเป็นส่วนตัวของผู้อื่น และควรเลือกมุมที่ป้องกันการถูกแฮก
ตำแหน่งที่ควรติดตั้ง
จุดเข้า-ออก เช่น ประตูหน้าและประตูหลัง
บริเวณที่เก็บของมีค่า เช่น โรงรถ หรือห้องเก็บของ
มุมสูงที่มองเห็นได้ทั่วถึง แต่ไม่สามารถเข้าถึงได้ง่าย
ตำแหน่งที่ควรหลีกเลี่ยง
ห้องนอนและห้องน้ำ ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนตัว
ตำแหน่งที่สามารถมองเห็นข้อมูลสำคัญ เช่น คอมพิวเตอร์ หรือเอกสารการเงิน
Smart Camera เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้บ้านและธุรกิจ แต่หากไม่ได้ตั้งค่าความปลอดภัยอย่างเหมาะสม อาจกลายเป็นช่องโหว่ที่แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงได้
การป้องกันการแฮกสามารถทำได้โดย ตั้งรหัสผ่านให้แข็งแรง เปิดใช้งาน 2FA ปิดการเข้าถึงระยะไกลที่ไม่จำเป็น อัปเดตเฟิร์มแวร์เป็นประจำ ใช้ Wi-Fi ที่ปลอดภัย และติดตั้งกล้องในตำแหน่งที่เหมาะสม หากปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้ จะช่วยให้ Smart Camera ของคุณปลอดภัยจากการถูกแฮกและสามารถใช้งานได้อย่างมั่นใจ
Comments